ใบงาน เพื่อ ส่งงาน คุณครูอิสรินทร์ ทาส่วย ระดับชั้น ม 5
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
มาฝึกเป่าแซ็กโซโฟน แบบ เบื้องต้น
มาฝึกเป่าแซ็กโซโฟน แบบ เบื้องต้น
โดย คุณครูอิสรินทร์ ทาส่วย
โรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล สพม 25
การฝึกเป่าแซ็กโซโฟน
โดยปกติแล้วลำตัวของแซ็กโซโฟนจะแบ่งออกเป็น 2
ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนบนและส่วนล่าง
สำหรับลำตัวส่วยบนผู้ฝึกต้องใช้นิ้วมือซ้ายกด
และลำตัวส่วนล่างจะต้องใช้นิ้วมือส่วนขวากด
ท่านั่งและท่ายืนในการเป่าแซ็กโซโฟน
ท่านั่ง จะต้องนั่งตัวตรง (ไม่เกร็ง)
ขาขวาถอยไปด้านหลังเล็กน้อย และ หันไปทางขาซ้าย เพื่อรักษาระดับของแซ็กโซโฟนไม่ให้เอียง
ซึ่งระดับนี้จะเป็นระดับสายตามองเห็นโน้ตได้ชัดเจน
ท่ายืน ให้ยืนตรง ขาซ้ายยื่นออกไปด้านหน้าเล็กน้อย
เพื่อให้เป็นที่พักน้ำหนักระหว่างขาหน้ากับขาหลัง ซึ่งจะทำให้แซ็กโซโฟนอยู่กลางลำตัว
โดยให้น้ำหนักของแซ็กโซโฟน อยู่ที่ขอเกี่ยวนิ้วหัวแม่มือขวาตอนล่างของแซ็กโซโฟน
แขนซ้ายไม่ชิดลำตัวให้กางแขนออกเล็กน้อย
การวางปากเป่า
ในการฝึกเป่าครั้งแรก
ถ้าเป่าโดยไม่เข้าใจวิธีการฝึกจะทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ดังนั้น
จึงมีวิธีฝึกปฏิบัติ ดังนี้
1. นั่งตัวตรงและยืดอก สายคล้องคอไม่ควรตึงหรือหนย่อนเกินไปถ้าสายคล้องคอตึงไปจะทำให้ใบหน้าและลำตัวแหงนขึ้น
ถ้าหย่อนเกินไปจะทำให้หลังค่อม ดังนั้น ควรจัดสายคล้องคอให้พอดี
มิฉะนั้นหากฝึกต่อไปนานๆ จะทำให้เกิดความเคยชิน
ซึ่งควรจดจึงสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ไว้
2. อมหัวแซ็กโซโฟนไว้ในปากตรงกึ่งกลาง
ให้ลึกประมาณไม่เกิน 2 นิ้ว ใช้ริมฝีปากล่างและบนบีบกดหัวแซ็กเอาไว้ให้แน่น
อย่าใช้ฟันกัดหัวแซ็กเป็นอันขาดและริมฝีปากจะต้องหุ้มฟันเอาไว้ทั้งด้านล่างและบน
3. เมื่อประกบปากโดยเม้มแน่นดีแล้ว
สานคล้องคอจัดได้ถูกต้อง ท่านั่งไม่ขัดเขิน จับแซ็กตามท่านั่ง
ให้นิ้วหัวแม่มือขวาไปอยู่ตรงขอเกี่ยวนิ้วหัวแม่มือตอนล่างของแซ็ก ส่วนนิ้วอื่นๆ
ไม่ต้องกด ให้วางแตะไว้เฉยๆ
ส่วนนิ้วหัวแม่มือซ้ายให้วางตรงที่วางของนิ้วหัวแม่มือตอนบนของแซ็ก ใช้นิ้วกลางกด
เม้มริมฝีปาก สูดลมหายใจเข้าปอดให้เต็มปอด แล้วเป่าออกมา ไม่ต้องเป่าแรง
เป่าธรรมดา ถ้าเป่าออกมาจนลมหมดแล้วไม่มีเสียง ให้สูดลมหายใจเข้าไปใหม่
ข้อสำคัญอย่าใช้ลมจากลำคอ เพราะจะทำให้คอโป่ง ให้ใช้ลมจากลมที่เราหายใจเข้าและออก
โดยให้ออกมาทางที่เราเป่าแซ็กและถ้ามีลมออกมาด้านข้างของริมฝีปากทั้ง 2 ข้าง ต้องเม้มปากให้สนิทจนไม่มีลมออกมาฝึกหัดเป่าเช่นนี้หลายๆ ครั้งจนกว่าจะมีเสียง
เมื่อมีเสียงแล้วก็ให้เป่าเสียงนั้นยาวๆ
วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
รวมผลงาน นักเรียน ในรายวิชาดนตรี โดย คุณครูอิสรินทร์ ทาส่วย
รวมผลงาน นักเรียน ในรายวิชาดนตรี โดย คุณครูอิสรินทร์ ทาส่วย
เรื่องการประพันธ์ เพลง ในหัวข้อ สมานฉันท์ ปรองดอง
โดย นักเรียนชั้น ม. 5 / 1
โรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล
วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557
เผยแพร่ผงลานทางวิชาการ เรื่อง การพัฒนานาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล เพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี
ชื่อเรื่อง การพัฒนานาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล เพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์ โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning สำหรับนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ชื่อผู้วิจัย นายอิสรินทร์ ทาส่วย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ
ในการวิจัยครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556 จากจำนวนนักเรียนทั้งหมด 69
คน
ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ระยะเวลาที่ใช้ในการวิจัยทั้งสิ้น โดยเริ่มทำการวิจัยตั้งแต่เดือน พฤษภาคม - เดือน กรกฎาคม
ผลการวิจัย พบว่านักเรียนจำนวนหนึ่งมีการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลดีขึ้นกว่าเดิม
ด้วยวิธีการให้แรงเสริมโดยการชมเชยและให้ระยะเวลาในการฝึกทักษะการอ่านโน้ตสากลมากพอสมควร ดังนั้น
ก่อนที่จะเกิดทักษะการอ่านให้นักเรียนได้ฝึกการเขียนโน้ตสากลก่อน โดยจะนำมาซึ่งการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลได้อย่างคล่องแคล่วและถูกต้องรวมทั้งส่งผลมาถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์ ด้วยความเข้าใจและถูกต้องมากยิ่งขึ้นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้วิชาศิลปะพื้นฐาน(ดนตรี) ในระดับมัธยมศึกษา ยังขาดสื่อ
การสอนที่เป็นแบบฝึกทักษะในการปฏิบัติเครื่องดนตรีที่พอเพียงและหลากหลาย การพัฒนาแบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์(Recorder) มาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน เป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ส่งเสริมให้ผู้เรียน ได้รับการฝึกฝนจากผู้สอนและฝึกปฏิบัติด้วยตนเอง รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาตามศักยภาพของแต่ละบุคคล ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้มีความมุ่งหมายเพื่อ
1.)การพัฒนานาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล เพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี รีคอร์เดอร์
2.) พัฒนาแบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder) กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ(ดนตรี) ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์
80/80
3)
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน และ
ก่อนเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์(Recorder)
4)
เพื่อศึกษาความพึงพอใจ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
ที่มีต่อแบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์(Recorder)
ที่สร้างขึ้น
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ ได้แก่
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล อำเภอเขาสวนกวาง สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 25 ขอนแก่น ภาคเรียนที 1 ปีการศึกษา 2556 จำนวน 69 คน
ซึ่งได้มาโดยการสุ่มอย่างง่ายโดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ในดำเนินการศึกษาค้นคว้าครั้งนี้
มี 5 ชนิด
ดังนี้
1.) แบบฝึกการอ่านและการเขียนโน้ตสากล
2) แบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์
(Recorder) สาระดนตรี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
2)
แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการเป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์
4)
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
แบบปรนัย ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
จำนวน 30 ข้อ
ซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ
0.91
5 )
แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
งานวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในรายวิชาดนตรีสากล
ได้จัดทำขึ้นเพื่อประเมินการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลให้กับนักเรียน ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การวิจัยเรื่องนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ศึกษา เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาทางด้านการเรียน การสอนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายอิสรินทร์ ทาส่วย
ผู้วิจัย
หน้า
บทคัดย่อ 3
บทที่ 1 บทนำ 7
ความสำคัญและที่มา 7
จุดมุ่งหมาย 7
ตัวแปรที่ศึกษา 7
กรอบแนวคิดในการวิจัย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 8
ขอบเขตของการวิจัย
บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 10
บทที่ 3 วิธีดำเนินการวิจัย 13
กำหนดตารางทำการวิจัย 17
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
บทที่ 4 ผลการวิเคราะห์ข้อมูล 26
บทที่ 5 สรุปผล 32
ข้อคิดที่ได้จากการวิจัย
ภาคผนวก 33
บทที่
1 บทนำ
การวิจัยในชั้นเรียน
รีคอร์เดอร์ โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1
2. ความสำคัญและที่มา
ในการพัฒนาทางด้านวิชาดนตรี
พื้นฐานที่สำคัญที่ส่งผลในด้านการปฏิบัติเครื่องดนตรี คือการพัฒนาในด้านทักษะการอ่านโน้ตสากล
ในการสอนที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนในบางส่วน ยังขาดทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล จึงส่งผลมาให้ต้องมีการปรับปรุง
และต้องมีการพัฒนาในทักษะนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี
และจากการเรียนการสอนของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1 จากจำนวน 69 คน
มีนักเรียนที่มีปัญหาในด้านทักษะการอ่านโน้ตสากลอยู่มาก
ดังนั้น ผู้ที่ทำการวิจัย
จึงหาวิธีการที่จะดำเนินการเพื่อที่จะไขแก้ปัญหา และพัฒนาให้
นักเรียนได้เกิดทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ดังนั้นในการพัฒนาในครั้งนี้
จะใช้วิธีการประเมินนักเรียนควบคู่ไปกับกิจกรรมการเรียนการสอน
1.เพื่อเป็นการพัฒนาและยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน รายวิชา ศิลปะ
(ดนตรีศึกษา)
2.เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียน
ด้วยวิธีการประเมินโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ตัวแปรต้น 1.
กิจกรรมการเรียนการสอน โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning
2. วิธีการประเมินที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ
2.1
การทดสอบทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากล การปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ และข้อเสนอแนะ
2. ทักษะในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์
5. กรอบแนวคิดในการวิจัย
6. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ผลการวิจัยนี้
จะเป็นข้อมูลอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้การพัฒนาทักษะในด้านการอ่าน
โน้ตสากลด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
มีการฝึกทักษะการเขียนและการอ่านที่มีระดับเสียงที่แตกต่างกันและให้นักเรียนได้ฝึกอ่านโน้ตสากลทุกๆ
15 นาทีก่อนเรียน
เพื่อที่จะให้การเรียนการสอนวิชาดนตรีสัมฤทธิ์ผลยิ่งขึ้น
7. ขอบเขตของการวิจัย
1. กลุ่มที่ศึกษานักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่
1 จำนวนนักเรียนที่ศึกษา 69
คน
ของโรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล
ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2556
ในการทำวิจัยครั้งนี้
เลือกนักเรียนที่ศึกษาในชั้นเรียน 35 คน
ได้เลือกนักเรียนกลุ่มนี้เนื่องจากนักเรียนมีทักษะพื้นฐานในด้านการอ่านโน้ตสากลไม่คล่องแคล่ว
จึงเป็นปัญหาในด้านการเรียนการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์
2. การสอนดนตรี หมายถึง วิธีสอนที่ผู้วิจัยได้สอนตามปกติ โดยมีเทคนิคการสอนแบบใหม่ๆ โดยการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
3. วิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญที่ผู้วิจัยได้ใช้ควบคู่กับการเรียนการสอน
เพื่อจะได้ข้อมูลจากตัวนักเรียนและนำข้อมูลเหล่านั้นมาปรับปรุงการสอนเพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้อย่างสูงสุด โดยมีวิธีการที่ใช้ดังต่อไปนี้ คือ โดยการสังเกตการสอนของครู สนทนา
ซักถามนักเรียน การสังเกตการการเรียน การฝึกอ่านโน้ตการฝึกการเขียน และฝึกปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ
4. พฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน หมายถึง
พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออก
ในการเรียนดนตรีอย่างมีความสุข
สนุกสนาน
5. ทักษะการเรียนในวิชาดนตรี หมายถึง
ความสามารถของนักเรียนในการเรียนวิชาดนตรี
เกี่ยวกับการเขียน การอ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่อง โดยมีเกณฑ์ผ่านร้อยละ 80
ขึ้นไป
โดยการทดสอบเก็บคะแนนจากการเขียน และการอ่านโน้ตสากล
การปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์
บทที่ 2
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
การศึกษาความพึงพอใจในการใช้ห้องเรียนดนตรี
สากล สาระการเรียนรูศิลปะ (วิชาดนตรี) ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล ผู้วิจัยได้ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องและงานวิจัย ที่
เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. เอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
1.1 เอกสารที่ เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
1.2 เอกสารที่ เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจในการเรียนและทฤษฏีที่
เกี่ยวข้อง
2. เอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องกับการสอนดนตรีสากล
2.1 เอกสารที่ เกี่ยวข้องกับการสอนดนตรีสากล
1. เอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
1.1 เอกสารที่ เกี่ยวข้องกับความพึงพอใจ
กาญจนา ภาสุรพันธ์(2531:5) กล่าวว่า ความพึงพอใจ
หมายถึง ระดับความรู้สึกหรือความนึกคิด
ต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ ได้รับความคาดหวังหรือมากกว่าที่
คาดหวัง
สุเทพ เมฆ(2531:39) กล่าวว่า ความพึงพอใจในบรรยากาศการเรียนการสอน
หมายถึง ความรู้สึก
พอใจในสภาพการจัดองค์ประกอบที่ เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน
ซึ่งมีความสําคัญในการช่วยให้นักเรียน
เกิดการเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา มีความเจริญงอกงาม
มีความกระตือรือร้นเพื่อจะเรียนให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง
มอร์ส (Morse. 1955:27) ให้
ความเห็นว่า ความพึงพอใจ หมายถึง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ สามารถลด
ความเครียดของบุคคลให้น้อยลง ถ้ามีความเครียดมากจะทําให้
เกิดความไม่พึงพอใจในการทํากิจกรรม
วอลเลอร์สเตน(Wallerstain.
1971:256) ให้ความหมายของความพึงพอใจว่า ความพึงพอใจ
หมายถึง ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อได้รับผลสําเร็จตามความมุ่งหมาย และอธิบายให้เห็นว่าความพึงพอใจ เป็น
กระบวนการทางจิตวิทยาไม่ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแต่สามารถคาดคะเนว่ามีหรือไม่มี
จากการสังเกตพฤติกรรมของคนเท่านั้น
การที่จะทําให้คนเกิดความพึงพอใจจะต้องอาศัยปัจจัยและองค์ประกอบที่ เป็นสาเหตุแห่งความพึงพอใจนั้น
กู๊ด(Good. 1973:320) ให้ความหมายของความพึงพอใจว่า
ความพึงพอใจ หมายถึง คุณภาพหรือ
ระดับความพึงพอใจซึ่งเป็นผลจากความสนใจต่างๆและทัศนคติของบุคคลต้อกิจกรรม
จากความหมายต่างๆข้างต้น สรุปได้ว่า
ความพึงพอใจเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึก และทัศนคติของบุคคลอันเนื่องมาจากสิ่งเร้าและแรงจูงใจซึ่งปรากฏออกมาทางพฤติกรรมและเป็นองค์ประกอบที่สําคัญในการทํากิจกรรมต่างๆของบุคคล
1.2 เอกสารที่ เกี่ยวข้องความพึงพอใจในการเรียนและทฤษฏีที่
เกี่ยวข้อง
ในการจัดการเรียนการสอน การทําให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจในการเรียนจึงเป็นองค์ประกอบ
สําคัญที่ทําให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดังที่ สมบูรณ์ พรรณนาภพและชัยโรจน์
ชัยคําอิน
(2518:416) กล่าวว่า การที่บุคคลจะเรียนรู้ หรือมีพัฒนาการและความเจริญงอกงามนั้น บุคคลจะต้องอยู่ ในสภาวะพึงพอใจ สุขใจ เป็นเบื้องต้น นั่นคือ บุคคลจะต้องได้รับการจูงใจทั้งในลักษณะนามธรรมและรูปธรรม
ซึ่งสอดคล้องกับผลงานวิจัยของบราวน์ และโฮลท์ซแมน(ประพัฒน์ จําปาไทย. 2524:
4;อ้างอิงมาจากBrown and Holtzman.1955:75-84) สรุปว่า นักศึกษาที่มี สติปัญญาเท่ากัน ถ้ามีแรงจูงในการเรียนต่างกันจะมีผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนต่างกัน ซึ่งตรงกับความคิดเห็นของ
ฮิลล์(ประภา ตุลานนท์. 2540:23 อ้างถึงเผื่อนพันธ์ โกกนก.2514:2;อ้างอิงมาจากHill.n.d.) ที่ว่าการเรียนรู้จะเกิดขึ้นได้อย่างมี
ประสิทธิ์ ภาพที่สุดเมื่อผู้เรียนได้รับการจูงใจ กล่าวสรุปได้ว่าแรงจูงใจเป็นหัวใจสําคัญของการเรียนรู้ เพราะมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้และการสอนสูงมาก
ดังนั้นในการจัดการเรียนการสอนดนตรีสากล ครูผู้ สอนจะต้องพยายามสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความพึงพอใจ
มีความสนใจต่อการเรียนการสอน ทั้งนี้ เพราะว่าการเรียนการสอนจะประสบความสําเร็จได้ก็
เพราะครูผู้สอนให้ความสําคัญ และความพยายามของผู้เรียนด้วยวิธีสร้างความพึงพอใจในการเรียนมีการศึกษาในด้านความสัมพันธ์เชิงเหตุผลและผลระหว่างสภาพทางจิตใจกับผลการเรียนจุดที่น่าสนใจจุดหนึ่ง คือการสร้างความพึงพอใจการเรียนให้แกเด็กทุกคนซึ่งในที่นี้มีผู้ให้แนวคิดไว้หลายท่านดังนี้
การปรับพฤติกรรมของคนไม่อาจทําได้โดยเทคโนโลยีทางกายภาพและชีวภาพ(Physical and
Biological Technology) เท่านั้นแต่ต้องอาศัยเทคโนโลยีของพฤติกรรม
ซึ่งเขาหมายถึงเสรีภาพ ลดความภาคภูมิ
(Freedom and Dignity) จุดหมายปลายทางที่แท้จริงของการศึกษา
คือ การทําให้คนมีความเป็นตัวของตนเอง
(Autonomous Man) มีความรับผิดชอบต่อการกระทําของตน
เสรีภาพและความภาคภูมิ เป็นครรลองของการไปสู่ ความเป็นคนดังกล่าวนั้นเสรีภาพมีความหมายตรงข้ามกับการควบคุม
แต่เสรีภาพในความหมายของสกินเนอร์ไม่ได้หมายถึงไม่ได้เป็นอิสระจากความควบคุมบางชนิดที่มีลักษณะแข็งกร้าว(Aversive)
คือ ไม่ได้หมายถึงการทําลายหรือหนีจากสิ่งแวดล้อม แต่เป็นการวิเคราะห์และเปลี่ยนหรือปรับรูปแบบใหม่(Redesign)
ให้สิ่งแวดล้อมนั้น
โดยทําให้อํานาจการควบคุมอ่อนตัวลงจนบุคคลเกิดความรู้สึกว่าตนไม่ได้ถูกควบคุมอ่อนตัวลงจนบุคคลเกิดความรู้สึกว่าตนไม่ได้ถูกควบคุมหรือต้องแสดงพฤติกรรมใดๆที่
เนื่องมาจากความกดดันภายนอกบางอย่างบุคคลควรได้รับการยกย่องยอมรับความเป็นภาคภูมิแต่การกระทําที่ได้รับการยกย่องยอมรับมากเท่าไหร่จะต้องได้รับการกระทําที่
ปลอดจากการบังคับ(Force)
หรือสิ่งควบคุมใดๆมากเท่านั้น
นั่นคือ สัดส่วนปริมาณของการยกย่องยอมรับที่
ให้แก่การกระทํา จะเป็นส่วนกลับความเด็นหรือความสําคัญหรือสาเหตุที่จูงใจให้เขากระทําแนวคิดของสกินเนอร์สรุปได้ว่า
เสรีภาพนําบุคคลไปสู่ความภาคภูมิ และความภาคภูมินําไปสู่ ความเป็นตัวของตัวเอง
มีผู้มีความรับผิดชอบต่อการคิด
ตัดสินใจการกระทําและผลที่ เกิดขึ้นจากการกระทําของ
ตนเองและนั่นคือเป้าหมายปลายทางที่แท้จริงของการศึกษาสิ่งที่
สกินเนอร์ต้องการเน้นคือ การปรับแก้พฤติกรรมของคนต้องแก้ด้วยเทคโนโลยีของพฤติกรรมเท่านั้นจึงจะสําเร็จ ส่วนการใช้เทคโนโลยีของการพฤติกรรมนี้กับใคร อย่างไร ด้วยวิธี ไหน ถือเป็นเรื่องของการตัดสินใจ ใช้ศาสตร์ซึ่งต้องอาศัยภูมิปัญญา(Wisdom) ของผู้ ใช้เท่านั้น
2. เอกสารและงานวิจัยที่
เกี่ยวข้องกับการสอนดนตรีสากล
2.1 เอกสารที่ เกี่ยวข้องกับการสอนดนตรีสากล
มานพ วิสุทธิแพทย์(2548:99) ได้ให้ความหมาย ไว้ว่า ดนตรีสากล หมายถึง
ดนตรี
ประเทศต่างๆซึ่งเป็นผลงานประพันธ์เพลงทั้งเพลงบรรเลงและเพลงร้องประเภทต่างๆที่
สร้างสรรค์จากภูมิ
ปัญญาของคนและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่ทั้งในอดีตและปัจจุบัน
บทที่ 3
วิธีดำเนินการวิจัย
1. การกำหนดระยะเวลาทำการวิจัย
ระยะเวลาที่ทำการวิจัยทั้งหมด 10 สัปดาห์ สัปดาห์ละ
2 ครั้ง รวมทั้งหมด
20 ครั้ง โดยผู้วิจัยกำหนดให้นักเรียนเขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากลตามแบฝึกหัดที่กำหนดให้ ในแต่ละครั้ง
ครูก็จะบันทึกหลังการปฏิบัติของนักเรียน
ลงในตารางบันทึกเพื่อความก้าวหน้าของตัวนักเรียน
กำหนดตารางทำการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้
ผู้วิจัยได้ดำเนินการวิจัยตามแผนการสอนตามปกติ โดยครอบคลุมเนื้อหาในการเขียนโน้ตสากล และอ่านโน้ตสากล โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning รวมถึงการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์ ทุกชั่วโมงก่อนเรียนปฏิบัติเครื่องดนตรีในภาคเรียนที่ 1 โดยดำเนินการสอนในตาราง ดังนี้
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
1
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง โด นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง เร นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง มี นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
2
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ฟา นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ซอล นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ลา นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ที นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
3
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
4 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด4
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
2 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด2
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
1 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด1
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
4-6
|
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล
และฝึกปฏิบัติเครื่องตาม
บทเพลง
แมงมุมลาย เพลง Are you sleeping
|
ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามบทเพลงเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
7-10
|
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล
และฝึกปฏิบัติเครื่องตาม
บทเพลง
ชาติไทย
|
ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์ดอร์ตามบทเพลงเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
3. วิธีการสอนทั้งใน 10
สัปดาห์
ผู้วิจัยได้ดำเนินการสอนดังต่อไปนี้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
ครูทบทวนทฤษฎีสัญลักษณ์ต่างๆ
ครูให้นักเรียนเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ
และให้นักเรียนอ่านแบบฝึกหัดที่ครูเตรียมให้โดยเลียงลำดับความยากง่าย
ขั้นสอน
โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค
e-Learning http://issarin.blogspot.com/
1.
ครูอภิปรายเกี่ยวกับสัญลักษณ์พื้นฐานทางดนตรี เช่น บรรทัด
5 เส้นโน้ตตัวกลม โน้ตตัวขาว
และโน้ตตัวดำ สัญลักษณ์ตัวหยุดต่างๆ
2. ครูยกตัวอย่างสัญลักษณ์พื้นฐานต่างให้นักเรียนดู
3. ครูอภิปรายเกี่ยวกับสัญลักษณ์ต่างๆ ตามตารางการสอนที่ได้กำหนดไว้ทั้ง 10
สัปดาห์
4. ให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดฝึกเขียน ฝึกอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรี
รีคอร์เดอร์
ขั้นสรุป
1. ครูและนักเรียนช่วยกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับสัญลักษณ์พื้นฐานทางดนตรีต่างๆ
2. ครูให้นักเรียนทำแบบฝึกหัดโดยการเขียน การอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติ
เครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์
3. ตรวจแบบทดสอบโดยการเขียน การอ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีตาม
แบบฝึกหัดต่างๆ ที่กำหนดให้
9. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. เครื่องมือที่ใช้ในการสอนหมายถึง สื่อ
วัสดุ อุปกรณ์ อินเตอร์เน็ต แผนจัดการเรียนรู้
2. เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย
2.1 แบบบันทึกประจำสัปดาห์ของครู หมาย ถึง
การที่ครูสังเกตพฤติกรรมการสอนของครูและพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียน จากนั้นมาทำการจดบันทึกสรุปประจำสัปดาห์ สัปดาห์ละ
2 ครั้ง โดยครอบคลุม
4 ประเด็น ดังนี้
การสังเกตการสอนของครู
การสนทนาพูดคุยกับนักเรียน
การตรวจเช็คการเขียน อ่านโน้ตสากล
และการปฏิบัติเครื่องดนตรี รีคอร์เดอร์ในแต่ละครั้งของนักเรียนในตาราง โดยมีการควบคุมการเรียนการสอนทั้งหมด 20
ครั้ง
2.2 แบบตารางดำเนินการสอนของครู 10
สัปดาห์ = 2 / สัปดาห์
2.3 แบบทดสอบแบบฝึกเขียน อ่านโน้ตสากล
2.4 แบบตารางคะแนนในการเขียน อ่านโน้ตสากลของนักเรียนแต่ละคน
2.5
ได้นำแบบฝึกการอ่านโน้ตสากล
และการปฏิบัติเครื่องดนตรีมาวิเคราะห์ผลการเรียนรู้
1. สถิติที่ใช้ในการหาคุณภาพเครื่องมือรวบรวมข้อมูล ได้แก่
1.1 การหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
1.1.1
วิเคราะห์หาค่าความตรงตามเนื้อหา IOC (Index of
Item
Objective
Congruence) โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับเนื้อหา
โดยใช้สูตรดังนี้ (สมนึก ภัททิยธนี. 2544
: 221)
เมื่อ IOC แทน ดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดมุ่งหมายกับเนื้อหาหรือ
ระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์
แทน ผลรวมคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด
N แทน จำนวนผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
แทน ค่าเฉลี่ย
X แทน คะแนนแต่ละตัว
N แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่มนั้น
การกำหนดคะแนนของผู้เชี่ยวชาญอาจจะเป็น +1 หรือ 0 หรือ -1 ดังนี้
+1 แทน เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบที่ออกมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่
ต้องการวัด
0 แทน เมื่อไม่แน่ใจว่าข้อสอบที่ออกมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ที่ต้องการวัด
-1 แทน เมื่อแน่ใจว่าข้อสอบที่ออกมีไม่มีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ที่ต้องการวัด
ค่าดัชนีความสอดคล้องที่ยอมรับได้ต้องมีค่าตั้งแต่ .50
ขึ้นไป
(กรณีอิงเกณฑ์)
1.1.2 วิเคราะห์หาค่าความยากเป็นรายข้อของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โดยใช้สูตร (สมนึก
ภัททิยธนี. 2544 : 189)
เมื่อ P แทน ค่าความยากของข้อสอบ
R แทน จำนวนคนที่ทำข้อนั้นถูก
N แทน จำนวนคนที่ทำข้อนั้นทั้งหมด
1.1.3 วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนกเป็นรายข้อ
(Discrimination) ของข้อสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตร
(สุรวาท ทองบุ.
2550 : 103)
เมื่อ B แทน ค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ
N1 แทน จำนวนคนรอบรู้
(หรือสอบผ่านเกณฑ์)
N2 แทน จำนวนคนไม่รอบรู้
(หรือสอบไม่ผ่านเกณฑ์)
U แทน จำนวนคนรอบรู้
(หรือสอบผ่านเกณฑ์) ตอบถูก
L แทน จำนวนคนไม่รอบรู้
(หรือสอบไม่ผ่านเกณฑ์) ตอบถูก
1.1.4
วิเคราะห์หาค่าความเที่ยง
(Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตรของโลเวท (Lovett) (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 111)
เมื่อ rcc แทน ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ
K แทน จำนวนข้อของแบบทดสอบทั้งฉบับ
Xi
แทน คะแนนสอบของนักเรียนแต่ละคน
C
แทน คะแนนจุดตัด
(กรณีอิงกลุ่ม)
1.1.2 วิเคราะห์หาค่าความยากเป็นรายข้อของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
โดยใช้สูตร (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 100)
สูตรตัวถูกและตัวลวง
เมื่อ P แทน ค่าความยากของข้อสอบ
H แทน จำนวนคนในกลุ่มสูงที่ตอบถูก
L แทน จำนวนคนในกลุ่มต่ำตอบถูก
N แทน จำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
1.1.3
วิเคราะห์หาค่าอำนาจจำแนกเป็นรายข้อ (Discrimination) ของข้อสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตร
(สุรวาท
ทองบุ. 2550 : 100)
ตัวถูก , ตัวลวง
เมื่อ r แทน ค่าอำนาจจำแนกของข้อสอบ
H แทน จำนวนคนในกลุ่มสูงตอบถูก
L แทน จำนวนคนในกลุ่มต่ำตอบถูก
N แทน จำนวนคนทั้งหมดในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
1.1.4 วิเคราะห์หาค่าความเที่ยง (Reliability) ของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยใช้สูตรของคูเดอร์ - ริชาร์ดสัน (Kuder
- Richardson) (สุรวาท ทองบุ.
2550 : 107)
เมื่อ rtt แทน ความเที่ยงของแบบทดสอบทั้งฉบับ
K แทน จำนวนข้อของแบบทดสอบทั้งฉบับ
p แทน อัตราส่วนของผู้ตอบถูกในข้อนั้น
q แทน อัตราส่วนของผู้ตอบผิดในข้อนั้น
S2
แทน ความแปรปรวนของคะแนนทั้งฉบับ
1.2 สถิติที่ใช้หาคุณภาพของแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า
1.2.1 วิเคราะห์หาค่าความตรงตามเนื้อหา IC (Index of
Congruence) โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างคำถามกับเนื้อหาในการสอบถามโดยใช้สูตรเดียวกันกับข้อ
1.1.1
1.2.2
วิเคราะห์หาค่าคุณภาพรายข้อ
โดยหาค่าอำนาจจำแนกรายข้อ
โดยใช้วิธีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน (Pearson’s Product-Moment
Correlation) ระหว่างคะแนนแต่ละข้อกับคะแนนรวม (Item – total Correlation) โดยใช้สูตรดังนี้ (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 112 - 114)
เมื่อ แทน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างคะแนนแต่ละข้อกับคะแนนรวม
แทน ผลรวมของคะแนน X
แทน ผลรวมของคะแนน Y
แทน จำนวนผู้ตอบทั้งหมด
แทน ผลรวมทั้งหมดของผลคูณระหว่าง X กับ Y
แทน ผลรวมทั้งหมดของกำลังสองของ X
แทน ผลรวมทั้งหมดของกำลังสองของ
Y
1.2.3
หาคุณภาพแบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณค่า โดยการหาความเที่ยงของแบบวัดทั้งฉบับ ใช้วิธีการหาสัมประสิทธิ์อัลฟา ของครอนบาค
โดยใช้สูตรดังนี้ (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 116 - 117)
เมื่อ แทน ค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่น
แทน จำนวนข้อเครื่องมือวัด
แทน ผลรวมของความแปรปรวนแต่ละข้อ
แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวม
1.3
สถิติที่ใช้หาคุณภาพนวัตกรรม
1.3.1 วิเคราะห์หาค่าความตรงตามเนื้อหา IOC (Index of
Item Objective Congruence) โดยการหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์กับเนื้อหาในการสอบถาม
โดยใช้สูตรเดียวกันกับข้อ 1.1.1
1.3.2 เกณฑ์ประสิทธิภาพของนวัตกรรม (E1/E2)โดยวิธีของกูดแมน เฟรทเชอร์ และชไนเดอร์ (Goodman, Fretcher and
Schneider. 1980 : 30 – 34
หรือ
เมื่อ E1 แทน ประสิทธิภาพของกระบวนการ
แทน ผลรวมของคะแนนนักเรียนที่ได้จากการวัด
ระหว่างเรียน
N แทน จำนวนผู้เรียน
A แทน คะแนนเต็มของคะแนนระหว่างเรียน
หรือ
เมื่อ E2 แทน ประสิทธิภาพของผลลัพธ์
แทน ผลรวมของคะแนนนักเรียนที่ได้จากการวัด
หลังเรียน
N แทน จำนวนผู้เรียน
B แทน คะแนนเต็มของคะแนนแบบหลังเรียน
1.3.3 หาค่าดัชนีประสิทธิผลของนวัตกรรม (E.I.) โดยวิธีของกูดแมน เฟรทเชอร์
และชไนเดอร์ (Goodman, Fretcher and Schneider. 1980 :
30 - 40)
|
|
ดัชนีประสิทธิผล =
2.
สถิติที่ในการวิเคราะห์ข้อมูล
2.1 สถิติพื้นฐาน
2.1.1
ค่าร้อยละ
โดยใช้สูตร (บุญชม ศรีสะอาด. 2547
: ......)
ร้อยละ
เมื่อ f แทน ค่าความถี่
n แทน จำนวนทั้งหมด
2.1.2 วิเคราะห์หาค่าเฉลี่ย (Arithmetic Mean) ใช้สูตร (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 123)
เมื่อ แทน ค่าเฉลี่ย
แทน ผลรวมของคะแนนทุกตัวในกลุ่ม
n แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่ม
2.1.3 วิเคราะห์หาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) โดยใช้สูตร (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 124)
เมื่อ S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
แทน ค่าเฉลี่ย
X แทน คะแนนแต่ละตัว
N แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่มนั้น
3. สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน
3.1 วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนโดยบทเรียนมัลติมีเดียบนระบบเครือข่ายตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
กับเกณฑ์
ที่กำหนด (ร้อยละ......)
โดยการทดสอบที (t-test One Sample Group) (สุรวาท ทองบุ. 2550 : 128)
,
เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤติจากการแจกแจง
แบบ
t เพื่อทราบความมีนัยสำคัญ
S.D. แทน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
แทน คะแนนแต่ละตัว
n แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่มนั้น
(กรณีไม่ได้ศึกษาความคงทนในการเรียนรู้)
3.2 วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนโดยบทเรียนมัลติมีเดียบนระบบเครือข่ายตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
ก่อนเรียนกับหลังเรียน โดยการทดสอบที
(t-test Dependent Sample)
(สุรวาท ทองบุ. 2550
: 129)
,
เมื่อ t แทน ค่าสถิติที่จะใช้เปรียบเทียบกับค่าวิกฤติจากการแจกแจง
แบบ
t เพื่อทราบความมีนัยสำคัญ
D แทน ผลต่างระหว่างคู่คะแนน
n แทน จำนวนสมาชิกกลุ่มตัวอย่างหรือจำนวนคู่คะแนน
3.3 วิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ของนักเรียนที่เรียนโดยบทเรียนมัลติมีเดียบนระบบเครือข่ายตามแนวคอนสตรัคติวิสต์
กับการสอนตามปกติ โดยการทดสอบที (t-test Independent Sample)
บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
10. ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
10.1 พฤติกรรมการเรียน
จากแบบสังเกตซึ่งผู้วิจัยบันทึกในเครื่องมือ การวิเคราะห์ตอนนี้
ผู้วิจัยได้นำแบบตารางการบันทึกพฤติกรรมของครูที่จดบันทึกไว้มาสังเคราะห์สรุปเป็นจำนวน 10
ครั้ง
โดยได้ทำเป็นตารางการบันทึก ดังนี้
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
1
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง โด นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง เร นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง มี นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
2
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ฟา นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ซอล นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ลา นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านโน้ตตัวดำ
โน้ตตัวขาว และโน้ตตัวดำบนบรรทัด 5 เส้น บนตำแหน่งของเสียง ที นักเรียนเขียนและอ่านได้แต่ไม่คล่องแคล่ว
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
3
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
4 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด4
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
2 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด2
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนสัญลักษณ์ตัวหยุด
1 จังหวะพร้อมทั้งฝึกอ่านโน้ตที่มีตัวหยุด1
จังหวะนักเรียนทั้งหมดอ่านได้แต่ยังอ่านยังไม่คล่องเท่าที่ควร
|
ครูให้นักเรียนฝึกเขียนและอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามแบบฝึกหัดเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกเขียนและอ่านแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
||
บันทึกสัปดาห์ที่
|
บันทึกพฤติกรรมการสอนของครูและการเรียนของนักเรียน
|
||
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
||
4-6
|
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล
และฝึกปฏิบัติเครื่องตาม
บทเพลง
แมงมุมลาย เพลง Are you sleeping
|
ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามบทเพลงเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
|
7-10
|
ครูให้นักเรียนฝึกอ่านโน้ตสากล
และฝึกปฏิบัติเครื่องตาม
บทเพลง
ชาติไทย
|
ครูให้นักเรียนอ่านซ้ำพร้อมทั้งปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ตามบทเพลงเดิม
หลังจากที่ได้ฝึกอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีแล้วนักเรียนสามารถอ่านและปฏิบัติเครื่องดนตรีได้อย่างคล่องแคล่ว
|
10.2 ผลการเรียน
การวิเคราะห์ตอนนี้ ผู้วิจัยได้นำคะแนนในการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีตามแบบฝึกหัดต่างๆ คะแนนจากแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน มีดังนี้
แบบตารางบันทึกการให้คะแนนในการเขียน อ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์
ของเด็กชาย
แบบบันทึกการเขียน
อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีคอร์เดอร์
|
คะแนน ( 10 )
|
|
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
|
1. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง โด
|
6
|
10
|
2. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง เร
|
6
|
10
|
3. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง มี
|
6
|
10
|
4. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ฟา
|
6
|
10
|
5. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ซอล
|
5
|
10
|
6. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ลา
|
5
|
10
|
7. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ที
|
6
|
10
|
8. สัญลักษณ์ตัวหยุด 4 จังหวะ
|
6
|
10
|
9. สัญลักษณ์ตัวหยุด 2 จังหวะ
|
5
|
10
|
10. สัญลักษณ์ตัวหยุด 1 จังหวะ
|
4
|
10
|
11. แบบฝึกหัดบทเพลง แมงมุมลาย เพลง Are you sleeping
|
5
|
10
|
12.
แบบฝึกหัดบทเพลง เพลงชาติไทย
|
4
|
10
|
รวมค่าเฉลี่ย
|
53.33
|
100.00
|
แบบตารางบันทึกการให้คะแนนในการเขียน อ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีคอร์เดอร์
ของเด็กหญิง
แบบบันทึกการเขียน
อ่านโน้ตสากล และการปฏิบัติเครื่องดนตรีคอร์เดอร์
|
คะแนน ( 10 )
|
|
ก่อนเรียน
|
หลังเรียน
|
|
1. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง โด
|
5
|
10
|
2. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง เร
|
5
|
10
|
3. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง มี
|
5
|
10
|
4. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ฟา
|
6
|
10
|
5. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ซอล
|
6
|
10
|
6. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ลา
|
7
|
10
|
7. โน้ตตัวกลม ตำแหน่งเสียง ที
|
7
|
10
|
8. สัญลักษณ์ตัวหยุด 4 จังหวะ
|
7
|
10
|
9. สัญลักษณ์ตัวหยุด 2 จังหวะ
|
5
|
8
|
10. สัญลักษณ์ตัวหยุด 1 จังหวะ
|
4
|
10
|
11. แบบฝึกหัดบทเพลง แมงมุมลาย เพลง Are you sleeping
|
4
|
10
|
12.
แบบฝึกหัดบทเพลง เพลง ชาติไทย
|
5
|
9
|
รวมค่าเฉลี่ย
|
55.00
|
97.50
|
คะแนน เกณฑ์
80 - 100 ดีมาก * เกณฑ์คะแนนหลังเรียน
70 -
79 ดี
60 -
69 พอใช้
50 -
59 แก้ไข * เกณฑ์คะแนนก่อนเรียน
40 -
49 ปรับปรุง
ผลการวิเคราะห์คะแนนจากตารางปรากฏว่าก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์อยู่ในเกณฑ์ 53.33
, 55.00 คือต้องมีการแก้ไขและคะแนนหลังเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์อยู่ในเกณฑ์ 97.350
, 100.00 คือดีมาก
บทที่ 5
สรุปผล อภิปรายผล และข้อเสนอแนะ
11. สรุปผล
จากผลในการวิจัยในเรื่องการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอเดอร์ โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ซึ่งมีจำนวนนักเรียน 2 คน คือ พบว่ามีปัญหาในด้านทักษะการอ่านสะกดคำ ผู้วิจัยจึงได้ทดสอบโดยใช้แบบทดสอบการเขียน อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ ให้นักเรียนได้ฝึกเขียน อ่านโน้ตสากล ในขั้นแรกคือก่อนเรียน นักเรียนสามารถเขียน อ่านโน้ตสากลที่กำหนดให้ได้อยู่ในเกณฑ์ 53.33
, 55.00 จากเกณฑ์ ร้อยละ
80 ผลคือยังต้องมีการแก้ไข ดังนั้นครูจึงใช้แนวการสอนและเทคนิคต่างๆ
ในการที่จะให้นักเรียนมีความเข้าใจในทักษะในด้านการเขียน
อ่านโน้ตสากลและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ และได้ให้เพื่อนๆ ในห้องได้มีส่วนร่วมในการแนะนำหลักและวิธีการจำตำแหน่งของเสียงต่างๆ
บนบรรทัด 5 เส้น หลังจากนั้นครูได้ใช้ชุดแบบทดสอบชุดเดิม ให้นักเรียนได้ฝึกทดลองอ่านโน้ตสากลอีกครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่านักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ในด้านการอ่านและการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์โดยคิดเป็นร้อยละ 100.00 , 97.50 แสดงว่านักเรียนมีการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านที่ดีขึ้นจึงส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์อยู่ในเกณฑ์
ที่ดี
12. ข้อคิดที่ได้จากการวิจัย
1.
จะช่วยให้ผู้วิจัยทราบว่าในการทำวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์
ด้วยวิธีการประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญมีปัญหาในการวิจัยว่าเป็นอย่างไรบ้าง
2.
เพื่อสรุปผลการประเมินแล้วจะได้มีการพัฒนาให้ตรงกับการการอ่านโน้ตสากลเพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ภาคผนวก
เค้าโครง
งานวิจัยในชั้นเรียน
ชื่อผู้วิจัย นายอิสรินทร์ ทาส่วย กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ
ช่วงชั้นที่ 2 (
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
)
ชื่อเรื่อง ชื่อเรื่อง การพัฒนานาทักษะในด้านการอ่านโน้ตสากล
เพื่อส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรี รีคอร์เดอร์ โดยการใช้สื่ออิเล็กทรอนิค e-Learning สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1
สภาพปัญหา
ในวิชาดนตรี สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด
คือการที่จะต้องเรียนรู้สัญลักษณ์พื้นฐานต่างๆทางดนตรีสากล ถ้าผู้สอนสามารถฝึกทักษะในด้านการเขียน
และอ่านโน้ตสากลให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในทักษะพื้นฐานนี้ ปัญหาผลการเรียนของผู้เรียนในการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ก็จะลดลง จากผลการวัดผลประเมินผลในระดับชั้น ผู้วิจัยจึงมีความคิดเห็นว่า ทักษะพื้นฐานในด้านการเขียน อ่านโน้ตสากลนี้ส่งผลต่อการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์ จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน จึงจัดให้มีการเสริมทักษะในการเขียนอ่านโน้ตสากลขึ้น
ทางเลือกที่คาดว่าจะแก้ปัญหา
1.
วิธีการสอนเรียนปนเล่น (
กิจกรรม /
ใบงาน / ใบความรู้ สื่อ ICT อินเตอร์เน็ต )
2.
วิธีการสอนด้วยการฝึกฝนด้วยตนเองจากการเขียน
อ่านแบบฝึกหัด กิจกรรมต่างๆ ในทุกชั่วโมงที่สอน
จุดประสงค์การวิจัย
เพื่อพัฒนาการทางด้านการอ่าน
และการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์
ระยะเวลาในการดำเนินงาน
เดือน มิถุนายน
ถึง สิงหาคม
ขั้นตอนการดำเนินงาน
1.
เตรียมใบงาน / แบบฝึกหัด /
กิจกรรม
2.
ปรับแผนการสอนให้สอดคล้องกับงานวิจัย
3.
สอดแทรกใบงาน /
แบบฝึกหัด /
กิจกรรม
4.
เน้นให้ผู้เรียนฝึกปฏิบัติสม่ำเสมอ เมื่อมีเวลาว่าง
5.
คัดเลือกนักเรียนที่มีปัญหาในทักษะด้านการอ่านโน้ตสากล
และการปฏิบัติเครื่องดนตรีรีคอร์เดอร์
6.
ทดสอบความก้าวหน้า และพัฒนาผู้เรียนเป็นระยะๆ
7.
รวบรวมเอกสาร และสรุปผลการวิจัย
ผลการดำเนินงาน / ผลการแก้ปัญหาจากการนำไปปฏิบัติจริง
............................................................................................................................
...........................................................................................................................................
สรุปผลการดำเนินงาน
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... อภิปรายผล
.................................................................................................................................................................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะ
....................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
บรรณานุกรม
กาญจนา ภาสุรพนธ์.(2531). ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อสภาพแวดล้อมภายในวิทยาลัย
อาชีวศึกษา
สังกัดกรมอาชีวศึกษา เขตการศึกษา8.ปริญญานิพนธ์ กศ.ม..กรุงเทพฯ:
มหาวิยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ.
สุทธจิตถ์.(2544).พฤติกรรมการสอนดนตรี.กรุงเทพฯ : สํานักพิมพ์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย .
นฤดล เผือกอําไพ.(2553). การศึกษาความพึงพอใจในการใช้ห้องเรียนดนตรี
สากลวิชาเลือกเพิ่มเติมของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลั ยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน . วิจัยในชั้นเรียน
กรุงเทพฯ:มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มานพ วิสุทธิแพทย์
.(2548).ดุริยางคศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรี นครินทรวิโรฒ:
โรงพิมพ์
สันติศิริ การพิมพ์.
ราชบัณฑิตยสถาน.(2505).พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตตยสถาน
พ.ศ. 2493.กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์รุ่งเรืองธรรม.
ราชบัณฑิตยสถาน.(2538).พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตตยสถาน พ.ศ. 2525.กรุงเทพฯ:
อักษรเจริญทัศน์.
วันทยา วงศ์ศิลปภิรมณี.(2533).การศึกษาผลสัมฤทธิ์ ของนักเรียนที่มี ผลจากความพอใจในการได้เลือกบทเรียน.
ปริญญานิพนธ์ กศ.ด.กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิ ทยาลัย
มหาวิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
สุเทพ เมฆ.(2531).ความพึงพอใจในบรรยากาศการเรียนการสอนของนักเรียนและครูโรงเรียน
Good,Carter V.(1973).Dictionary of
Education.ed.New york:Mcgraw-Hill Book company.
Morse ,Nancy C. (1955) .Satisfactions in the
White Collar job.Michigan : University of Michigan.
Wallerstein,Harver.(1971).Dictionary
of Psychology.Maryland:penguin Book Inc.
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)