วันพุธที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2557

เครื่องดนตรีและวงดนตรีสากล


เครื่องดนตรีและวงดนตรีสากล
โดย
คุณครูอิสรินทร์ ทาส่วย
โรงเรียนเขาสวนกวางวิทยานุกูล
 
 
 
เครื่องดนตรีสากล
เครื่องดนตรี คือ สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ได้คิดค้นขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดเสียงดนตรีชนิดต่าง ๆ เมื่อนำเครื่องดนตรีมาปฏิบัติพร้อมกัน จะได้เสียงของบทเพลงที่น่าฟัง ไพเราะ ช่วยให้ผู้ฟังเพลงรู้สึกผ่อนคลายได้
เครื่องดนตรีสากลแบ่งออกเป็น 5 ประเภทคือ เครื่องสาย (String Instruments) . เครื่องลมไม้ (Woodwind Instruments) , เครื่องลมทองเหลือง (Brass Instruments) , เครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard Instruments) , และเครื่องตี (Percussion Instruments)
เครื่องสาย (String Instruments)
เครื่องดนตรีประเทเครื่องสาย จะเกิดเสียงได้โดยการทำให้สายสั่นสะเทือน เกิดเสียงได้โดยการดีดและการสีโดยการใช้คันชัก มีทั้งสายที่ทำจากเส้นลวด เส้นเอ็น หรือเส้นไหม นำมาขึงให้ตึง ความดังของเสียงอยู่กับขนาดรูปร่างของเครื่องดนตรีและวัสดุที่นำมาใช้ทำเป็นลำตัวเครื่องดนตรี





 
ไวโอลิน (Violin) คือ เครื่องดนตรีที่กำเนินเสียงในระดับสูง เป็นเครื่องดนตรีในตระกูล ไวโอลิน (Violin Far) ทั้งหมด 4 ชนิด คือ ไวโอลิน วิโอลา เชลโล และคอนทร้าเบส เครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลินคือเครื่องดนตรีหลักที่ใช้ในวงออร์เคสตร้า ปกติจะเล่นใช้คันชักสีที่สายให้สั่นสะเทือน คันชักของไวโอลินจะทำด้วยหางม้า แต่บางครั้งก็จะใช้นิ้วดีดที่สาย เพื่อให้เกิดเสียงตามต้องการ

วิโอลา (Viola) เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลินเช่นกัน ขนาดใหญ่กว่าไวโอลินเล็กน้อย ตำแหน่งของวิโอลาจะอยู่ลักษณะเดียวกับไวโอลิน ต้องวางไว้บนไหล่ซ้ายของผู้เล่น แล้วใช้คางหนีบเครื่องดนตรีไว้ไม่ให้เคลื่อนที่ คันชักจับด้วยมือขวา คุณภาพเสียงของวิโอลาจะไม่สดใสเหมือนเสียงของไวโอลิน มีลักษณะเหมือนเสียงนาสิก

เชลโล (Cello) เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลิน แต่มีขนาดใหญ่และใหญ่กว่าไวโอลินเป็น 2 เท่า ระดับเสียงต่ำกว่าไวโอลิน คุณภาพเสียงทุ้มลึกกว่าเสียงของไวโอลิน เชลโลสามารถเล่นด้วยวิธีสี และวิธีดีด เช่นเดียวกับไวโอลิน ในขณะที่เล่นต้องนั่งใช้เข่าหนีบให้เชลโลอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง

คอนทร้าเบส (Contra Bass) เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลไวโอลินที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น สตริงเบส ดับเบิ้ลเบส เบสวิโอล เวลาเล่นต้องตรึงเครื่องไว้บนพื้นโดยมีหมุดยึดไว้เพราะว่า คอนทร้าเบนมีขนาดใหญ่มาก คุณภาพเสียงของคอนทร้าเบสจะหนักแน่นและให้ความรู้สึกอุ้ยอ้าย เยิ่นเย้อเหมือนกับการเคลื่อนที่ของใหญ่โต ที่มีน้ำหนักมาก
ฮาร์ป (Harp) คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายซึ่งแตกต่างจากเครื่องสายประเภทอื่น ๆ คือ การขึงของสายจะไม่ผ่านกล่องเสียง (Sounding Board) เหมือนเครื่องดนตรีชนิดอื่น ๆ เช่น กีตาร์ ไวโอลิน หรือเปียโน โครงสำหรับขึงสายมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยมโค้งงอเล็กน้อย เพื่อให้เกิดความสวยงาม ปกติจะเล่นด้วยการดีดที่สาย คุณภาพเสียงของฮาร์ปมีความแจ่มใส กว่าเสียงของเปียโน ใช้แสดงความสดชื่นแจ่มใส


แมนโดลิน (Mandolin) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสายที่กำเนิดเสียงในระดับเสียงสูง ผู้เล่นจะใช้เพล็คทรัม หรือปิคดีดไปที่สาย ในลักษณะดีดขึ้นลงติดต่อกันอย่างเร็วเพื่อให้เกิดเสียงสั่นรัว
กีตาร์ (Guitar) คือเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เล่นโดยวิธีการดีด เกี่ยว ดึง หรือ กรีดสายบนสายกีตาร์ อาจใช้นิ้วหรือเพล็คทรัมก็ได้ กล่องเสียงของกีตาร์จะคล้ายไวโอลินขนาดใหญ่ คอยาว มีเฟร็ทโลหะ คั่นอยู่ 5 สาย และมีหมุดยึดสายที่ปลายคอกีตาร์ สายของกีตาร์มีทั้งทำด้วยโลหะและไนล่อน


แบนโจ (Banjo) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องสาย เล่นด้วยวิธีดีดด้วยนิ้วมือหรือดีดด้วยเพล็คทรัม (Plectrum) นิยมเล่นในกลุ่มนักร้อง นักดนตรีชาวอเมริกัน แล้วเผยแพร่สู่ทวีปยุโรป กล่องเสียงของแบนโจจะเหมือนกลับหน้ากลอง มีหนังลูกวัวขึงปิดอยู่ คาดหรือวงรอบด้วยไม้หรือเหล็กเพื่อให้หนังตึง

เครื่องลมไม้
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้แบ่งออกเป็น 2 พวก คือพวกขลุ่ยและปี่ ถ้าเป็นประเภทขลุ่ยจะไม่มีลิ้น เป่าลมผ่านท่อในลักษณะของการผิว เช่น ฟลุท ปิคโคโล รีคอร์เดอร์ , ประเภทปี่ ต้องเป่าลมผ่านลิ้น ซึ่งมีลิ้นเดี่ยว เช่น คลาริเนต แซ็กโซโฟน และลิ้นคู่ เช่น บาสซูน โอโบ เป็นต้น
คลาริเนต (Clarinet) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ใช้ลิ้นเดี่ยว คลาริเนตมีใช้อยู่หลายชนิด เช่น อีแฟล็ตคลาริเนต บีแฟล็ตคลาริเนต และเบสคลาริเนต ลำตัวคลาริเนตมีทั้งทำด้วยโลหะ ไม้ พลาสติก ลำตัวของปี่จะกลวงเหมือนขลุ่ย เปลี่ยนระดับเสียงโดยใช้นิ้วและคีย์โลหะบุด้วยนวมปิดเปิดรู ปี่คลาริเนตจะมีรูปร่างคล้ายกับโอโบ แตกต่างกันที่ปากเป่า คุณภาพเสียงของปี่คลาริเนต จะมีช่วงเสียงกว้างและทุ้มลึก มีนิ้วพิเศษที่ทำเสียงได้สูงมากเป็นพิเศษ


แซ็กโซโฟน (Saxophone) แซกโซโฟน เป็นเครื่องดนตรีในตระกูลเครื่องลมไม้ ใช้ลิ้นเดี่ยวเหมือนของคลาริเนต แม้ว่าตัวเครื่องมักจะทำด้วยโลหะแต่สุ้มเสียงก็กระเดียดมาทางเครื่องลมไม้
ตระกูลแซกโซโฟนเป็นตระกูลใหญ่เช่นเดียวกับคลาริเนท แซกโซโฟนมีขนาดต่าง ๆ ถึง 7 ขนาดด้วยกัน แต่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 4 ชนิดด้วยกัน หลากหลายชนิดของแซกโซโฟน ได้กล่าวเกี่ยวกับชนิดของแซกโซโฟนไว้ว่าแซกโซโฟนในปัจจุบันประกอบด้วยแซกโซ โฟนโซปราโน, แซกโซโฟนอัลโต้, แซกโซโฟนเทเนอร์และบาริโทนแซกโซโฟนในบรรดา 4 ชนิดที่กล่าวมานี้ แซกโซโฟนโซปราโนเป็นแซกโซโฟนที่มีเสียงความถี่เสียงสูงที่สุด ตามด้วยแซกโซโฟนโต้ แซกโซโฟนเทเนอร์และสุดท้ายที่ต่ำคือบาริโทนแซกโซโฟน
1. โซปราโนแซกโซโฟน (Soprano Saxophone) เป็นแซกโซโฟนที่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบาและมีความถี่สูงที่สุด เนื่องจากมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบาจึงสามารถถือไว้ในมือได้ง่ายโดยไม่จำเป็น ต้องใช้สายสะพายแซกโซโฟนก็ดี อย่างไรก็ตามแซกโซโฟนโซปราโนไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการหัดเล่นแซกโซโฟน เนื่องจากมีความยากในการเป่ามากกว่าแซกโซโฟนอัลโต้และเทเนอร์ ในปัจจุบันแซกโซโฟนโซปราโนจะมีรูปทรงให้เลือก 2 แบบ คือแบบตรง และแบบโค้งก็จะมีลักษณะเหมือกับแซกโซโฟนอัลโต้แต่มีขนาดเล็กกว่า
2. อัลโต้แซกโซโฟน (Alto Saxophone) เป็นแซกโซโฟนที่ดีที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น เนื่องจากเป็นแซกโซโฟนที่เป่าง่ายกว่าโซปราแซกโซโฟนและมีน้ำหนักเบากว่าแซก โซโฟนเทเนอร์แซกโซโฟนอัลโต้สามารถเป่าได้ในดนตรีหลาย ๆ สไตล์ไม่ว่าจะเป็นสไตล์คลาสสิก, ป็อป, แจ็ส แต่นักดนตรีคลาสสิกจะนิยมใช้แซกอัลโต้ในการเล่นมากกว่าการใช้แซกโซโฟนชนิด อื่น ๆ รวมถึงการเล่นดนตรีแบบแตรวง, คอนเสิร์ตหรือมาร์ชชิ่งแบรนด์ก็เช่นกัน แซกโซโฟนอัลโต้จึงเป็นแซกโซโฟนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
3. เทเนอร์แซกโซโฟน (Tenor Saxophone) เป็นแซกโซโฟนที่ถูกใช้มากในการเล่นดนตรีแนวแจ็ส แต่ก็สามารถเห็นแซกโซโฟนเทเนอร์ได้ในการเล่นดนตรีแบบอื่น ๆ เช่นกันเสียงของแซกเทเนอร์จะมีลักษณะแบบนุ่ม ๆ อ้วน ๆ และต่ำกว่าแซกโซโฟนอัลโต้และแซกโซโฟนโซปราโน รองจากแซกโซโฟนอัลโต้แล้วแซกโซโฟนเทเนอร์ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่มือใหม่ควร จะใช้ในการเริ่มต้น
4. บาริโทนแซกโซโฟน (Baritone Saxophone) เป็นแซกโซโฟนที่มีขนาดใหญ่และมีความถี่เสียงต่ำสุด และราคาแพงที่สุดในบรรดาแซกโซโฟน ดังนั้นบาริโทนแซกโซโฟนจึงไม่เหมาะแก่นักแซกโซโฟนมือใหม่ทั้งหลาย ความยาวของบาริโทนแซกโซโฟนจะอยู่ประมาณ 7 ฟุต
5. เบสแซกโซโฟน (Bass Saxophone) เป็นแซกโซโฟนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแซกโซโฟนทั้งหมด



โอโบ (Oboe) โอโบ คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้ โอโบและเครื่องดนตรีอื่น ๆ ในตระกูลโอโบ เช่น บาสซูนและอิงลิชฮอนร์นเป็นเครื่องดนตรีจำพวกลิ้นคู่ ลำตัวโอโบเป็นรูปทรงกรวยทำด้วยไม้ แบ่งเป็น 3 ท่อน เวลาจะใช้ต้องต่อเข้าด้วยกัน มีรูสำหรับใช้นิ้วปิดเปิด 6 รู และมีคีย์โลหะบุนวม ต่อเป็นระบบกลไกเชื่อมโยงสำหรับปิดเปิดรูอีกด้วย คุณภาพเสียงของโอโบมีความแหลมเสียดแทงและมีลักษณะเป็นเสียงนาสิก


 บาสซูน (Bassoon) คือเครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องลมไม้ อยู่ในตระกูลโอโบ มีลิ้นคู่ มีเสียงต่ำ บาสซูนเป็นเครื่องดนตรีสำคัญอีกเครื่องหนึ่ง ในวงควอเต็ทสำหรับเครื่องลมไม้ ซึ่งประกอบขึ้นด้วย ฟลุท คลาริเนต โอโบ และบาสซูน คุณภาพเสียงของบาสซูนในช่วงเสียงสูงจะแหลมเสียงในช่วงกลางจะทีบ กลวง ไม่หนักแน่น ส่วนมากแล้ว มักจะใช้เสียงของบาสซูนถึงความตลกขบขัน


ฟลุท (Flute) คือ ขลุ่ยชนิดหนึ่งเป็นเครื่องดนตรีอยู่ในกลุ่มเครื่องลมไม้ ฟลุทมีท่อกลวงเกิดเสียงโดยการเป่าลมผ่านช่องลมของปากเป่า ผู้เล่นต้องถือฟลุทให้ขนานกับพื้นฟลุทในระยะแรกทำด้วยไม้ ปัจจุบัน ฟลุทนิยมทำด้วยโลหะ คุณภาพเสียงของฟลุทในระดับเสียงสูงมีเสียงแจ่มใส เสียงในระดับต่ำมีความนุ่มนวล



ปิคโคโล (Piccolo) คือ เครื่องดนตรีในกลุ่มเครื่องลมไม้ อยู่ในตระกูลฟลุท ปิคโคโล มีระดับเสียงสูงกว่าฟลุทอยู่ 1 ช่วงคู่แปด มีขนาดเล็กกว่าฟลุท 4 เท่า จึงทำให้มีคุณภาพเสียงที่สดใสและแหลมมาก เสียงในระดับต่ำของปิคโคโลจะดังไม่ชัดเจน ปิคโคโลจึงเหมาะที่จะใช้ในการเล่นในระดับเสียงกลางและเสียงสูงมากกว่าในระดับเสียงต่ำ เครื่องดนตรีที่มีเสียงแหลมเหมือนปิคโคโล ซึ่งอยู่ในตระกูลฟลุทมีอีกหลายชนิด เช่น เรคอร์เดอร์ เป็นต้น


เรคอร์เดอร์ (Recorder) คือเครื่องดนตรีเก่าแก่ จัดอยู่ในกลุ่มเครื่องลมไม้ พัฒนาจากยุคกลางจนถึงศตวรรษที่ 18 เรคอร์เดอร์มีรูปสำหรับใช้นิ้วปิดเปิด 8 รู ลำตัวจะเป็นทรงกรวย ทำด้วยไม้หรือพลาสติก มีปากเป่าลักษณะเหมือนกับนกหวีด คุณภาพเสียงของเรคอร์เดอร์ จะนุ่มนวล บางเบา



เครี่องลมทองเหลือง (Brass Instrument)
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมทองเหลือง ทำด้วยโลหะผสมทองเหลือง เสียงของเครื่องดนตรีประเภทนี้เกิดจากการเป่าลมผ่านท่อโลหะ ความยาวของท่อโลหะต่างกันทำให้ระดับเสียงเปลี่ยนไป การเปลี่ยนความยาวของท่อโลหะจะใช้ลูกสูบเป็นตัวบังคับ เช่น ทรัมเป็ท คอร์เน็ท เครื่องดนตรีบางชนิดจะใช้การชักท่อลมเข้าออก เพื่อเปลี่ยนความยาวของท่อลม เช่น ทรอมโบน ลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีประเภทนี้ คือ มีปากลำโพงสำหรับขยายเสียงให้มีความดังเจิดจ้า เรามักเรียกเครื่องดนตรีประเภทนี้รวม ๆ กันว่าแตร ปากเป่า เครื่องดนตรีประเภทนี้ทำด้วยโลหะเป็นรูปกรวยเรียกว่า กำพวด (Mouthpiece) ต่อเข้ากับท่อลมของเครื่องดนตรีนั้น ๆ
ทรัมเป็ท (Trumpet) เป็นเครื่องดนตรีที่จัดอยู่ในประเภทเครื่องลมทองเหลืองกำพวดสำหรับเป่าเป็นท่อโลหะ ปลายบานคล้ายรูปถ้วย ท่อลม ทรัมเป็ทกลวงยาวเท่ากันปลายจะบานออกเป็นลำโพง ทรัมเป็ทมีลูกสูบ 3 สูบ สำหรับใช้เปลี่ยนความยาวของท่อลม บางครั้งกดเพียง 1 นิ้ว บางครั้งกดเพียง 2 นิ้ว หรือ นิ้วพร้อมกัน เสียงของทรัทเป็ทจะเป้นเสียงที่มีพลังและดังเจิดจ้า



คอร์เน็ท (Cornet) คือ เครื่องเป่าลมทองเหลืองที่มีลักษณะคล้ายกับทรัมเป็ท แต่ลำตัวสั้นกว่า คุณภาพของเสียงมีความนุ่มนวล กลมกล่อม เสียงจะสดใสน้อยกว่าทรัมเป็ท ในปัจจุบันคอร์เน็ทเป็นเครื่องดนตรีสำคัญสำหรับวงโยธวาทิต
ทูบา (Tuba) คือ เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมทองเหลืองที่มีระดับเสียงต่ำ พัฒนาการมาจากการเป่าเขาสัตว์และการเป่าสังข์ ท่อลมของทูบามีลักษณะค่อย ๆ บานขยายออกทีละน้อยมีลูกสูบ 3 หรือ 4 สูบ ตรงส่วนปลายสุดของท่อบานออกเหมือนลำโพง กำพวดเป็นโลหะรูปถ้วย

ยูโฟเนียม (Euphonium) คือ เครื่องดนตรีประเภทเรครื่องลมทองเหลือง ลักษณะทั่วไปของยูโฟเนียมเหมือนกับเครื่องลมทองเหลืองอื่น ๆ จะมีลูกสูบ 3 สูบ มีกำพวดเป็นรูปถ้วย ท่อลมกลวงปลายบานเป็นลำโพงเสียง ลักษณะเสียงของยูโฟเนียมจะนุ่มนวล ทุ้มลึก สามารถเล่นในระดับเสียงต่ำได้ดี มีเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งชื่อ บาริโทน ที่มี่เสียงใกล้เคียงกับยูโฟเนียม แต่ท่อลม จะมีขนาดเล็กกว่า เสียงของบาริโทนจะมีความห้าวมากกว่ายูโฟเนียม
ซูซาโฟน (Sousaphone) คือเครื่องลมทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุด ซูซาโฟนมีลำตัวม้วนเป็ขดผู้เล่นต้องสอดตัวเข้าไปในขดของเครื่อง ปากลำโพงจะหันไปทางเดียวกับผู้เป่า เสียงของซูซาโฟนจะเหมือนกับทูบา คือ ต่ำทุ้มลึก ในเยอรมันจะใช้เครื่องดนตรีที่มีลักษณะเดียวกับซูซาโฟนเรียกว่าบอมบาดอน ‘Bombardon’

บิวเกิล (Bugle) คือ เครื่องลมทองเหลืองที่ไม่มีลูกสูบ เป่าโดยใช้กำพวดเป่าเสียงได้ 8 เสียงใช้สำหรับเป่าแตรสัญญาณของทหาร

เฟรนช์ฮอร์น (French Horn) คือเครื่องทองเหลือง มีท่อลมเป็นทรงกรวย ขดเป็นวงกลม ขยายออกไปตลอด ปลายท่อจะบานออกเป็นลำโพงอย่างกว้าง พัฒนามาจากการเป่าเขาสัตว์เพื่อใช้บอกสัญญาณต่าง ๆ เสียงของเฟรนซ์ฮอร์น จึงเหมือนกับเสียงที่เกิดจากการเป่าเขาสัตว์คุณภาพของเสียงเฟรนช์ฮอร์น โปร่งเบาและมีความนุ่มนวล กังวาน



ทรอมโบน (Trombone) คือ เครื่องลมทองเหลืองมีคันชักโค้งเป็นรูปตัวยู (U-shape) สำหรับเปลี่ยนความยาวของท่อลม ตำแหน่งของการเลื่อนคันชักจะมีอยู่ทั้งหมด 7 ตำแหน่ง ให้ระดับเสียงดนตรีต่างกันออกไป



เครื่องลิ่มนิ้ว (Keyboard Instrument)
เครื่องดนตรีในกลุ่มนี้ มักนิยมเรียกทับศัพท์ในภาษาอังกฤษว่า เครื่องดนตรีประเภทคีย์บอร์ดลักษณะเด่นของเครื่องดนตรีที่อยู่ในกลุ่มนี้ คือ มีลิ่มนิ้วสำหรับกด เพื่อเปลี่ยนระดับเสียงดนตรี ลิ่มนิ้วสำหรับกดนั้นนิยมเรียกว่า คีย์” (Key) เครื่องดนตรีแต่ละชนิดมีจำนวนคีย์ไม่เท่ากัน โดยปกติสีของคีย์เป็นขาวหรือดำ คีย์สีดำโผล่ขึ้นมามากกว่าคีย์สีขาว




เปียโน (piano) เป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้วนิยมกันอย่างกว้างขวางกว่าเครื่องดนตรี ชนิดอื่นทั้งหมด เป็นเครื่องดนตรีประจำบ้าน ประจำวงคอนเสิร์ตนอกจากเป็นเครื่องดนตรีที่จั้ดว่าเป็นเอกทางเดี่ยวแล้ว ยังใช้สำหรับคลอเสียงดนตรีชนิดอื่น และใช้คลอเสียงร้องได้ดีอีกด้วย เปียโนมี 7 ออกเทพส์ครึ่ง (Octaves) สามารถเปลี่ยนระดับเสียงได้ทุกบันไดเสียง มีลิ่มทั้งหมด 88 ลิ่มนิ้ว สามารถเล่นได้ทั้งทำนอง (Malody) และเสียงประสน (Harmony) ในขณะเดียวกันเสียงของเปียโนถือเป็นเสียงมาตรฐาน ดังนั้นในการแต่งเพลงจึงจำเป็นต้องใช้เปียโนเป็นหลักในการเขียนโน้ตในบันไดเสียงต่าง ๆ

ฮาร์ปซีคอร์ด (Harpsicord) เป็นเครื่องดนตรีประเภทลิ่มนิ้ว ที่เกิดก่อนเปียโน ทำให้เสียงดังหรือเบาตามลำดับเหมือนอย่างเปียโนไม่ได้ ในขณะที่เรากดคีย์ลงไป สายภายในเครื่องดนตรีจะถูกเกี่ยวด้วยไม้ดีด (Quills) ซึ่งตรงข้ามกับเปียโนที่ใช้ค้อนเคาะลงเบาบนสาย
แอ็คคอร์เดียน (Accordion) คือเครื่องดนตรีประเภทมีลิ่มนิ้วเรียงกันเป็นแผง การเล่นใช้นิ้วมือกดลงบนลิ่มนิ้วของเครื่องดนตรี การเกิดเสียงนั้น ขึ้นอยู่กับกรรมวิธีภายในซึ่งมีลักษณะเป้นท่อลมที่มีที่ปิดเปิดทำให้เกิดระดับเสียงต่าง ๆ

เครื่องตี (Percussion Instrument)
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องตีได้แก่ เครื่องดนตรีที่เกิดเสียงจากการตีกระทบ การสั่น การเขย่า การเคาะ การตีอาจจะใช้ไม้ตีหรืออาจจะใช้สิ่งหนึ่งกระทบเข้ากับอีกสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดเสียง เครื่องตีกระทบประกอบขึ้นด้วยวัสดุของแข็งหลายชนิด เช่น โลหะ ไม้ หรือแผ่นหนังขึงตึง


กลองใหญ่ (Bass Drum) กลองใหญ่ คือ เครื่องตีมี 2 หน้า ขึงด้วยหนังกลอง เสียงกลองตีเน้นย้ำจังหวะเพื่อให้เกิดความหนักแน่น หรืออาจจะใช้การตีแบบรัวเพื่อให้เกิดความตื่นเต้น สร้างจุดสนใจในบทเพลงเพิ่มขึ้น

กลองเล็ก (Snare Drum) กลองเล็ก คือ เครื่องตี มี 2 หน้า ขึงด้วยหนังกลอง ลักษณะเฉพาะคือหน้ากลองด้านล่างจะต้องคาดไว้ด้วยสายสะแนร์เป็นแผงเพื่อให้เกิดเสียงซ่า เดิมสายสะแนร์ทำดวยเอ็นสัตว์ ในปัจจุบันสายสะแนร์มีทั้งที่ทำด้วยไนล่อนและทำด้วยเส้นลวดโลหะ กลองเล็กมีหลายชื่อ เช่น Snare Drum และ Side Drum
ทิมปานี (Timpani) เป็นกลองที่มีลักษณะเหมือนกระทะ หรือกาต้มน้ำ จึงมีช่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Kettle Drum ตัวกลองทำด้วยโลหะทองแดง ตั้งอยู่บนขาหยั่ง กลองทิมปานี มีระดับเสียงแน่นอน เทียบเท่ากับเสียงเบส มีเท้าเหยียบเพื่อเปลี่ยนระดับเสียงตามต้องการในการบรรเลงต้องใช้อย่างน้อย 2 ใบ
คองก้า (Konga) ชื่อของกลองชนิดหนึ่ง เป็นกลองหน้าเดียว ขึงด้วยหนังสัตว์ กลองคองก้ามีหลายขนาดต่างระดับเสียงกัน จะใช้ 3 ใบ 4 ใบ หรือ 5 ใบ หรือมากกว่านั้นก็ได้ปกติใช้อย่างต่ำ 2 ใบ ตีสอดสลับกันตามลีลาบทเพลง ตีด้วยปลายนิ้วและฝ่ามือ


บองโก (Bongo) กลองบองโก เป็นกลองคู่ จะต้องมี 2 ใบเสมอ เล็ก 1 ใบ ใหญ่ 1 ใบ ระดับเสียงของกลอง 2 ใบ ตั้งเสียงให้ห่างกันในระดับคู่ 5 โดยประมาณ กลองทั้ง 2 ใบ จะติดตั้งกับอุปกรณ์ ยึดติดให้อยู่คู่กัน ขณะที่ตีกลองผู้ตีกลองจะต้องหนีบกลองทั้ง 2 ใบให้อยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างหนีบไว้ด้วยหัวเขาหรือวางไว้บนขาตั้งโลหะก็ได้


แทมบูริน (Tambourine) เป็นเครื่องตีประกอบจังหวะ ประกอบขึ้นด้วยขอบกลมเหมือนขอบกลางขนาดเล็ก ขอบอาจทำด้วยไม้ พลาสติก หรือโลหะ รอบ ๆ ขอบติดด้วยแผ่นโลหะประกบกัน 2 แผ่น หรือติดด้วยลูกกระพรวนเป็นระยะใช้การตีกระทบกับฝ่ามือหรือสั่นเขย่า ให้กิดเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง เพื่อประกอบจังหวะให้เกิดความสนุกสนาน สดชื่น


กิ๋ง (Triangle) คือเครื่องตี ทำด้วยแท่งโลหะ ดัดให้เป็นรูปสามเหลี่ยม แท่งโลหะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. เพื่อให้เกิดเสียงกังวาน ต้องแขวนกิ๋งไว้กับเชือกแล้วด้วยแท่งโลหะ กิ๋งมีเสียงแจ่มใส มีชีวิตชีวา


มาราคา (Maraca) คือ เครื่องตี เดิมทำด้วยผลน้ำเต้าที่แก่จัด ทำให้แห้ง ภายในบรรจุด้วยเมล็ดน้ำเต้า เมล็ดถั่วต่าง ๆ หรือลูกปัดลูกเล็ก ๆ ต่อด้ามไว้สำหรับจับถือ เวลาเล่นใช้เขย่าเพื่อให้เกิดเสียงซ่า ๆ จะเขย่าด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ให้ดังสอดสลับกัน ปัจจุบันทำด้วยไม้



คาบาซา (Cabasa) คือเครื่องตีทำจังหวะ เดิมทำด้วยผลน้ำเต้า หรือผลบวบแห้ง ภายนอกรอบ ๆ ห่อด้วยลูกประคำร้อยเชือก จะมีด้ามมือถือหรือไม่มีก็ได้ เกิดเสียงโดยการหมุน สั่น เขย่า ถู เพื่อให้ลูกประคำเคลื่อนที่เสียดสีกับผิวของผลน้ำเต้าหรือผลบวบ ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นปัจจุบันคาบาซาทำด้วยไม้ประกอบโลหะ เป็นทรงกระบอก มีด้ามจับถือ ผิวของทรงกระบอกห่อหุ้มด้วยแผ่นโลหะ ทำผิวให้ขรุขระ ลูกประคำนั้นจะทำด้วยโลหะร้อยติดกันล้อมรอบผิวโลหะ



เคาเบลล์ (Cowbell) คือ เครื่องดนตรีประเภทตีทำจังหวะ พัฒนามาจากกระดิ่งผูกคอวัว รูปทรงจะคลายกับระฆังมากกว่ากระดิ่ง ตีด้วยไม้ตีกลอง


กลองชุด (Drum set) คือเครื่องตีประกอบด้วยกลองใหญ่ กลองสะแนร์ ฉาบ 1 หรือ 2 ฝา กลองทอม 2 หรือ 3 ใบ ไฮแฮท กระเดื่องเท้า พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องทำจังหวะอื่น ๆ เช่น เคาเบลล์



ฉาบ (Cymbal) คือ เครื่องตีจังหวะ มีหลายลักษณะบางชนิดใช้ตีคู่ให้เกิดเสียงด้วยมือทั้งสองข้าง ฉาบบางชนิดจะใช้เพียงข้างเดียว ตีด้วยไม้ตีฉาบชนิดนี้ต้องติดตั้งบนขาตั้ง เช่น ฉาบที่ใช้สำหรับกลองชุด ฉาบมีหลายขนาด ขนาดใหญ่จะให้เสียงดังและก้องกังวานมากขึ้น
ระฆังราว (Tubular Bells) คือ เครื่องตีทำนอง ทำด้วยท่อโลหะแขวนเรียงตามลำดับเสียงจากสูงไปต่ำ แขวนกับโครงโลหะในแนวดิ่ง ใช้ไม้ตีที่ปลายท่อด้านหัว จะเกิดเป็นเสียงเหมือนระฆัง


มาริมบา (Marinba) เครื่องตีทำนองที่มีระดับเสียงแน่นอน เป็นระนาด ไม้ขนาดใหญ่ลูกระนาดทำด้วยไม้พิเศษที่มีชื่อว่า “Rosewood” ใต้ลูกระนาดจะมีท่อโลหะติดอยู่เพื่อเป็นตัวขยายเสียง


ไซโลโฟน (Xylophone) คือ เครื่องตีทำทำนองที่มีระดับเสียงแน่นอน เป็นระนาดไม้ขนาดเล็กของดนตรีสากล ลักษณะทั่วไปจะคล้ายกับมาริมบา หรือ ไวบราโฟน แต่ขนาดเล็กกว่า ลูกระนาดทำด้วยไม้เนื้อแข็ง ใต้ลูกระนาดมีท่อโลหะติดอยู่เพื่อเป็นตัวขยายเสียง


ไวบราโฟน (Vibraphone) เครื่องตีทำทำนองที่มีระดับเสียงแน่นอน เป็นระนาดขนาดใหญ่ลูกระนาดทำด้วยโลหะ ลักษณะทั่วไปคล้ายกับมาริมบา หรือโซโลโฟน ใต้ลูกระนาดมีท่อโลหะเพื่อเป็นตัวขยายเสียง มีแกนใบพัดเล็ก ๆ ประจำอยู่แต่ละท่อ ใช้ระบบมอร์เตอร์หมุนใบพัดทำให้เกิดเอฟเฟคต์เสียงสั่นรัว





ประเภทวงดนตรีสากล

เราจะแบ่งลักษณะของวงดนตรีสากลออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ ด้วยกันดังนี้
1. วง Orchestra
2. วง Band

1. วง Orchestra หรือ ดุริยางค์ เป็นลักษณะของวงดนตรีประเภทหนึ่งที่ใช้ เครื่องดนตรีประเภท เครื่องสาย (String) เป็นหลัก หรือเป็นเครื่องที่มีบทบาทมากที่สุด สำคัญที่สุดมากกว่าเครื่องดนตรีกลุ่มอื่น ๆ
2. วง Band เป็นลักษณะของวงดนตรีประเภทที่ใช้เครื่องดนตรีประเภท เครื่องเป่า เป็นหลัก เป็นเอกหรือเป็นเครื่องที่มีบทบาทมากที่สุด

ชนิดของวง Orchestra
1. Symphony Orchestra เป็นวงดนตรีขนาดใหญ่มากประกอบด้วยเครื่องดนตรี 4 กลุ่ม คือ
1. เครื่องสาย
2. เครื่องลมไม้
3. เครื่องเป่าทองเหลือง
4. เครื่องเคาะ

ขนาดของวง
วงเล็ก Small Orchestra ใช้ผู้บรรเลงประมาณ 60 - 80 คน
วงกลาง Medium Orchestra ใช้ผู้บรรเลงประมาณ 80 - 100 คน
วงใหญ่ Full Orchestra ใช้ผู้บรรเลงประมาณ 100 คนขึ้นไป

2. Orchestra for accompaniments for opera วงดุริยางค์ประเภทนี้ใช้บรรเลง ประกอบการแสดง โอเปรา คล้ายกับละครหรือลิเกของไทย ที่ต้องมีดนตรีบรรเลงประกอบด้วย ใช้นักดนตรี ประมาณ 60 คนหรือมากกว่า

3. Chamber Orchestra วงดุริยางค์ประเภทนี้เป็นวงเล็ก ๆ มีผู้เล่นไม่เกิน 20 คน บางครั้งเราเรียกวงดนตรีประเภทนี้ว่า Chamber Music เพราะวงประเภทนี้ตั้งขึ้นเพื่อร่วมกันเล่นหรือบรรเลง เพื่อการผ่อนคลายอารมณ์และพบปะสังสรรค์ยามว่าง เพลงที่เล่นก็เป็นเพลงง่าย ๆ และผู้เล่นอาจจมีตั้งแต่ 2 คนถึง 9

 

ชนิดของวง Band
1. Symphonic Band เป็นวงที่มีเครื่องเป่าเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญ ประกอบด้วย เครื่องเป่าลมไม้ เครื่องเป่าทองเหลือง เครื่องเคาะ และ ดับเบิ้ลเบส กลุ่มเครื่องเป่าลมไม้จะมี คลาริเนท บีแฟล๊ต เป็นจำนวนมากเปรียบเสมือนกับ ไวโอลิน ของวง Orchestra ตัวอย่างเพลง Kentucky Sunrise

2. Military Band หรือ Marching Band (วงโยธวาทิต) ตามมาตรฐานวงชนิดนี้จะมีผู้เล่นอยู่ราว 40-60 คน ประกอบด้วย เครื่องลมไม้ เครื่องทองเหลือง เครื่องเคาะ แต่จะไม่ใช้ ดับเบิ้ลเบส วงประเภทนี้จะใช้ในพิธีสวนสนามของทหาร
หรือขบวนแห่ต่าง ๆ ตัวอย่างเพลง Battle Hyme of the republic , Stars & Stripes Forever "

3. Brass Band วงชนิดนี้คล้ายกับวงโยธวาทิตต่างกันก็ตรงที่ ไม่มี เครื่องลมไม้ และ เครื่องสาย ใด ๆเลย

4. Jazz Band วงแจ๊ซ วงดนตรีแบบนี้เกิดขึ้นในกลุ่มนิโกรเป็นครั้งแรกและในปัจจุบันนี้วงแจ๊ซส่วน ใหญ่ก็ยังเจริญอยู่กับพวกนิโกร วงดนตรีประเภทนี้ประกอบด้วย กลุ่มแซกโซโฟน ซึ่งมีโซปราโนแซกโซโฟน อัลโตแซกโซโฟน เทนเนอร์แซกโซโฟน บาริโทนแซกโซโฟน คลาริเนท ทรัมเป็ท ทรอมโบน ดับเบิ้ลเบส เปียโน และเครื่อง Percussion ตามความเหมาะสม เช่น กลองชุด ทอมบา บองโก มารากัส เป็นต้น ตัวอย่างเพลง WASHINGTON POST-SWING ,Autumn Leaves

5. Shadow (วงชาโดว์) เป็นวงดนตรีขนาดเล็ก สะดวกในการขนย้ายไปแสดงในที่ต่าง ๆ ใช้บรรเลงประกอบการขับร้อง และบางครั้งบรรเลงเฉพาะดนตรีอย่างเดียว เครื่องดนตรีที่ใช้มี กีต้าร์ลีด (เมโลดี้) กีต้าร์คอร์ด กีต้าร์เบส กลองชุด เครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ

6. String combo วงดนตรีประเภทนี้ดัดแปลงมาจากวงคอมโบ และวงชาโดว์ คือ นำเอาเครื่องดนตรีในวงชาโดว์ผสมกับวงคอมโบ แต่ยังคงให้เครื่องดนตรีประเภทกีต้าร์ เป็นเครื่อง ที่มีความสำคัญกว่าเครื่องดนตรีอื่น ๆ

7. Folk Song วงโฟล์คซอง เป็นวงดนตรีขนาดเล็กที่สุด มีผู้เล่นไม่เกินวงละ 3 คน แต่ที่นิยมมากที่สุด นิยมเพียงคนเดียว เครื่องดนตรีที่ใช้ กีต้าร์โปร่งเพียงอย่างเดียว โดยที่ผู้เล่นกีต้าร์จะร้องและดีดกีต้าร์ไปด้วย

8. String Band เป็นวงดนตรีที่ปรับปรุงจากวง คอมโบ โดยเพิ่ม ไวโอลิน มาร่วมบรรเลงด้วยประมาณ 6 - 10 คัน เพื่อให้ ไวโอลิน เหล่านี้เล่น เป็นทำนอง และ back ground ทำให้เพลงที่บรรเลงมีความไพเราะยิ่งขึ้นหนักแน่นขึ้น วงประเภทนี้ได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น วงดารากร วงเจมส์ลาส

9. Combo Band (วงคอมโบ) เป็นวงดนตรีขนาดเล็ก มุ่งประกอบการขับร้องเป็นส่วนใหญ่ นิยมนำไปบรรเลงตามร้านอาการ ไนท์คลับ หรือตามสถานที่เริงรมย์ต่าง ๆ วงดนตรีประเภทนี้มีจำนวนนักดนตรีและเครื่องดนตรีไม่แน่นอน ทั้งนี้แล้วแต่ความสะดวกในการจัดวง แต่ส่วนมากมักประกอบด้วยเครื่องดนตรีคือ trumpet , Tenor Saxophone , Alto Saxophone , Trombone , Piano กีตาร์คอร์ด กีต้ารเบส กลองชุด เครื่องประกอบจังหวะอื่น ๆ
นอกจากนี้ยัง มีวงดนตรีที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่อีกหลายชนิด ซึ่งวงที่เกิดขึ้นใหม่นี้ก็อาศัย ดัดแปลง ปรับปรุง แก้ไข จากของเดิมเพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์ปัจจุบันที่ต้องการ ความง่าย
 
 








3 ความคิดเห็น: